ยุคนี้ใครไม่ทำธุรกิจออนไลน ถือว่าพลาดโอกาสหลายตลบ เพราะนักศึกษา คนทำงาน เจ้าของกิจการเล็ก กลาง ใหญ่ ทราบกันหมดว่า เป็นโอกาสสร้างรายได้ที่คุ้มค่าที่สุดในยุคนี้
หลายๆ กูรูออนไลน และไม่กูรูทั้งหลาย ก็ฟันธงว่าเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ต้องมีเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง เหมือนที่ดิน ซื้อขายกันได้และสร้างความน่าเชื่อถือกับสินค้าและบริการของเราในระยะยาว
หลายๆ คนก็เลยพยายามอยากมีเว็บไซต์ บางท่านก็ศึกษาทำเอง บาง SME บางผู้ประกอบการก็มี จ้างทำเว็บไซต์ บางเคสเกิดความเข้าใจผิดกับ Programmer ผู้รับทำเว็บไซต์ก็บ่อยๆ เพราะผู้ประกอบการ นึกว่าเว็บไซต์จับต้องไม่ได้อยู่บนอากาศ
อะไรๆ ก็น่าจะฟรีหมด ไม่น่าจะมีค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย
ทำให้การวางแผนในเรื่องงบการทำตลาดออนไลนผิดพลาดกันหมดจนโครงการธุรกิจออนไลน์ของผู้ประกอบการนั้นๆ ต้องพับลงไปอย่างน่าเสียดาย
บทความนี้จะมาแถลงไข 4 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนมีเว็บไซต์ของตัวเองกันครับ
—————————————————————
1. เว็บไซต์ที่ดี คือ เว็บที่สร้างยอดขายได้มากๆ ไม่ใช่เว็บสวยมากๆ
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เมื่อมีเว็บไซต์ครั้งแรก มักให้ความสำคัญผิดจุด คือ ขอเว็บสวยๆ ไว้ก่อน แต่สวยแบบไหนก็บอกไม่ได้ ให้ทำมาให้ดูหลายๆ แบบพอทำออกมาก็มักจะขอแก้ไปแก้มาหลายรอบไม่เสร็จซะที เหมือนสร้างบ้านต่อเติมๆๆ ไม่รู้จบ
สุดท้ายสวยถูกใจเจ้าของเว็บคนเดียว แต่สร้างยอดขายไม่ได้ เพราะในเว็บไม่มี Content ข้อมูลอะไรที่จำเป็นต่อลูกค้า หรือเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าเท่าที่ควร
ในวงการมืออาชีพ มีคำว่า Simple is the best คือ “ความเรียบง่ายนั่นเยี่ยมที่สุด” ดังนั้นเว็บไซต์ที่ดีคือเว็บที่ดูดี มีการจัดเมนู และข้อมูลสินค้าที่เรียบร้อยดูมีคุณค่า มี Content ที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายครบถ้วน มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ Review ผู้ใช้สินค้า มีข้อมูลการติดต่อซื้อขายครบ รับรองเกิดยอดขายแน่นอน
เพราะในมุมมองลูกค้า เค้าไม่ได้มาดูว่าเว็บนั้นสวยงามมากแค่ไหน ภาพเคลื่อนไหว
อลังการแล้วจะเชื่อถือ แต่เข้ามาเพื่อดูรายละเอียดสินค้าและบริการว่าตรงกับความต้องการของเขาหรือไม่ และเห็นว่าเจ้าของเว็บนั้นดูน่าเชื่อถือ พอที่จะติดต่อซื้อขายสินค้าด้วยเท่านั้นเอง
ดังนั้นอย่าลงทาง เสียเวลาทำเว็บไม่เสร็จสักที เพราะสนใจหน้าตาเว็บมากเกินไป มากกว่า Content ข้อมูลที่สำคัญ
—————————————————————
2. เป็นเจ้าของเว็บไซต์ มีค่าใช้จ่ายรายครั้งและประจำปี ไม่ใช่ฟรีตลอดไป
การทำเว็บ ก็เหมือนเราเปิดร้านค้า จะมีค่าใช้จ่าย 2 ก้อนหลัก
(1) ค่าใช้จ่ายรายปี เช่น ค่าชื่อเว็บ (Domain Name), ค่าพื่้นที่เว็บ (Hosting Space), รวมถึงค่าอีเมล์(ถ้ามี) รายจ่าย 3 ส่วนนี้เป็นมาตรฐานทุกเว็บทั่วโลก ก็เหมือนค่าเช่าที่ใน Internet ให้เว็บไซต์เราอยู่ในเครือข่ายออนไลน์ตลอดเวลานั้นเอง และมีที่อยู่ Address เข้าหน้าร้านเราผ่าน Domain name นั้นเอง
แต่ค่าใช้จ่ายตรงนี้มักไม่สูงมาก หลักไม่กี่พันต่อปีเท่านั้น (1500-3000บาท) อยู่ที่ขนาดของพื้นที่ที่เราเช่า คุณภาพของ Host และ Bandwidth ที่ใช้ แต่ยังไงก็คุ้มกว่าสื่อชนิดอื่นครับ ถ้าหารต่อเดือนตกก็ไม่กี่ร้อยบาท ถูกกว่ากินกาแฟนางเหงือกเขียว 2 แก้วซะอีก
(2) ค่าใช้จ่ายรายครั้ง เช่น ค่าติดตั้ง Install CMS, ค่าออกแบบเว็บไซต์, ค่าทำภาพกราฟฟิค, ค่าทำ Content, ค่าทำ SEO และอื่นๆ ฯลฯ รายจ่ายเหล่านี้มักจะเป็นครั้งๆ จ่ายแล้วจบ ยกเว้นมีการแก้ไขเพิ่มเติม
สำหรับผู้ที่หามืออาชีพมาจัดทำเว็บไซต์ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ระดับงาน การออกแบบ องค์ประกอบต่างๆ ยากง่าย ภาพประกอบ VDO เคลื่อนไหว หรือการนำเข้าข้อมูล Content ถึงระดับจ้างเขียน Content ให้ตรงกับสินค้าและบริการของแบนด์นั้นๆ แต่ถ้าท่านทำเว็บเอง ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายตรงนี้
—————————————————————
3. เว็บไซต์ กับ Facebook แฟนเพจใช้แทนกันไม่ได้
หลายผู้ประกอบการ คิดว่าการมีเว็บไซต์สิ้นเปลือง เพราะมีค่าใช้จ่ายรายปี แถมมีค่าจัดทำโน้นนี้นั่น
ใช้ Facebook Fanpage ไปเลย ดูเหมือนเว็บไซต์อยู่ ใช้ก็ฟรีไม่เห็นมีค่าใช้จ่ายอะไร
แต่มืออาชีพในวงการออนไลน จะให้ความสนใจกับเว็บไซต์มากกว่า และทั้ง 2 อย่างนี้ใช้คนละวัตถุประสงค์กัน
(1) Facebook Fanpage เสมือนการไปเช่าพื้นที่ห้าง การนำเสนอข้อมูลเป็นลักษณะ Dynamic
คือ ข้อมูลต้องอัพเดทบ่อยๆ จากข้อมูลบนสุด คือ Post ล่าสุด และล่างสุดคือ Post เก่าสุด จึงเหมาะเพื่อ กระจายข่าวสาร สร้างการรู้จัก เปิดตัวสินค้าและบริการ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เป็นช่องทางติดต่อสอบถาม แสดงความเคลื่อนไหวต่างๆ ของบริษัท
โดยถ้าเราบังเอิญทำผิดกฏของ Facebook ก็สามารถแบนปิดเพจเราได้ ไม่เหลืออะไรเลย
(2) เว็บไซต์ เสมือนเรามีตึกของเราเอง การนำเสนอข้อมูลเป็นลักษณะ Static คือ ไม่ต้องมีการอัพเดทข้อมูลบ่อย
มีไว้เพื่อ ให้ผู้ที่สนใจเข้าดูรายละเอียดสินค้า รายละเอียดสินค้าที่เรามีขายทั้งหมดอย่างเป็นหมวดหมู่ที่ Facebook ทำไม่ได้ ข้อมูลบริษัท สถานที่และที่อยู่ของบริษัท วิธีการติดต่อบริษัท
เมื่อเราเป็นเจ้าของวปแล้วและจ่ายค่า Domain และ Hosting ทุกปี ก็จะไม่มีใครจะมาลบเว็บไซต์ของเราไปได้ เป็นทรัพย์สินของเราโดยชอบตามกฏหมาย (เว็บไซต์ต้องไม่ผิดศีลธรรม ค้าอาวุธ ยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฏหมาย)
—————————————————————
4. มีเว็บไซต์แล้ว ต้องนำไปทำโฆษณา ไม่ใช่อยู่เฉยๆ แล้วยอดขายจะมาเอง
ผู้ประกอบการหลายรายคิดแบบนี้เยอะมาก เห็นหลายธุรกิจขายของออนไลนดี อยากมีเว็บบ้าง จัดงบทำเว็บเสร็จแล้วนั่งรอ ปล่อยให้เว็บไซต์ลอยค้างอยู่อย่างโดดเดี่ยวและคาดหวังให้ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาเอง โดยไม่รู้ว่าต้องมีงบโฆษณา ซึ่งมากน้อยก็ตามยอดขายที่อยากได้
ความจริงแล้วเว็บไซต์ คือ สื่อกลางสำหรับให้ลูกค้าเข้ามาเพื่อดูรายละเอียดสินค้า ไม่ใช่แม่เหล็กหรือเวทมนต์ที่ดูดลูกค้ามาหาเจ้าของเว็บไซต์โดยไม่มีการทำโฆษณา ซึ่งเว็บไซต์ดีมากขนาดไหนก็ไม่มีใครรู้จัก ถ้าไม่มีใครส่งให้ลูกค้าดูหรือทำโฆษณาออกไป
ดังนั้น หลังจากมีเว็บไซต์ที่ดีแล้ว ผู้ประกอบการต้องเรียนรู้ในการทำโฆษณาออนไลน์ จัดงบประมาณที่เหมาะสมกับธุรกิจท่าน เพื่อสร้างผู้ชมเข้ามาในเว็บไซต์ของเราให้มากที่สุด และตรงกลุ่มเป้าหมายกับสินค้าและบริการให้มากที่สุด เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นยอดขายของธุรกิจท่านใหญ่เล็กตามความต้องการ
