7 เทคนิคสร้างยอดขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ Online Marketing

     ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า ธุรกิจอสังหาฯ เป็นที่รู้กันดีว่ามีการแข่งขันทางการตลาดที่ดุเดือดมากแค่ไหน

     เพราะการทำธุรกิจอสังหาเพื่อการพาณิชย์นั้น เป็นธุรกิจที่ได้ผลกำไรสูง และให้ผลตอบแทนคุ้มค่าต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก

     เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การตลาดแบบเก่า หรือแบบออฟไลน์ จึงต้องมีการรับเปลี่ยนตามไปด้วย

     นั่นจึงทำให้นักทำธุรกิจต่าง ๆ ต้องเริ่มทำความรู้จักและเริ่มศึกษาการตลาดแบบออนไลน์เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับการตลาดของธุรกิจตนเองมากยิ่งขึ้น

     ดังนั้นวันนี้ผมจึงจะมานำเสนอ วิธีการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อธุรกิจอสังหาฯ  ที่ใช้ได้จริง และมีประโยชน์ต่อนักทำธุรกิจอสังหาฯ  ทุกท่านมานำเสนอครับ

     1. ใช้ SEO เข้ามาช่วยในการสร้างเว็บไซต์

     เป็นเรื่องปกติที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะต้องค้นหาเรื่องเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงสูง

     เพราะทุก ๆ การซื้อขายอสังหาฯ  เป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูง และจะดีแค่ไหนหากเว็บไซต์ของคุณสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ลูกค้าต้องการ หรือการนำเสนอการซื้อขายอสังหาฯ  ที่ครบถ้วนไปในตัว

     แต่การสร้างเว็บไซต์อสังหาฯ  ที่สามารถแสดงข้อมูลได้ครบถ้วนนั้น อาจจะยังไม่เพียงพอต่อการสร้างแรงดึงดูดหรือสร้างการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายได้มากพอ 

     ดังนั้นนักทำธุรกิจอสังหาฯ   จึงอาจจะต้องใช้ SEO เข้ามาช่วยทำให้เว็บไซต์สำหรับซื้อขายอสังหาฯ  ของคุณ สามารถปรากฏบน Search Engine อย่าง Google, Bing และ Yahoo! ได้

     เพื่อช่วยเพิ่มการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมาย และทำให้สามารถมองเห็นเว็บไซต์ของคุณได้เป็นอันดับต้น ๆ ของหน้าการค้นหา

     เพราะนอกจากจะสร้างการมองเห็นให้แก่เว็บไซต์ได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ธุรกิจได้อีกด้วย

     2. ใช้กลยุทธ์ Lead Generation เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่

     กลยุทธ์ Lead Generation เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ธุรกิจอสังหาฯ  ของคุณสามารถนำเสนอสิ่งที่ตรงต่อความต้องการ และสร้างความสนใจให้กลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ได้มากกว่าเดิม

     โดยการสร้าง Land ซึ่งเปรียบเสมือนกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ในอนาคต และกระตุ้นให้เกิดความสนใจในธุรกิจอสังหาฯ  ด้วยการทำ Contact Information ระบุตัวตน และนำไปสู่การปิดการขายด้วยวิธีการต่าง ๆ

     เช่น สร้างปุ่ม Call to Action (CTA) ให้ติดต่อกลับมา หรือ สร้าง Landing Page เพื่อนำเสนอการตอบแทนรูปแบบอื่นๆ และเป็นการขอ Contact Information โดยเฉพาะ

     กลยุทธ์ Lead Generation ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที้เหมาะสมกับการซื้อขายอสังหาฯ  เป็นอย่างมาก

     เนื่องจากการซื้อขายอสังหาฯ  มักมีค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งกลุ่มลูกค้ายังต้องการเวลาในการศึกษาข้อมูลและรายละเอียดเพื่อใช้ประกอบในการตัดสินใจค่อนข้างมาก

     ซึ่งการที่เว็บไซต์มีการขอ Contact Information ของกลุ่มลูกค้ามีประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ เพื่อวางแผนสำหรับธุรกิจอสังหาฯ  ให้สามารถตอบสนองความต้องการกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสมตามมันยุคสมัย และเพิ่มการปิดการขายได้มากขึ้น

     3. ใช้ SME ควบคู่ SEO

     อย่างที่นำเสนอไปข้างต้น การทำ SEO เป็นวิธีที่สามารถให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้จริง เพียงแต่การทำ SEO นั้นต้องอาศัยเวลาค่อนข้างนาน

     แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่เร็วยิ่งขึ้น การทำ SME (Search Engine Marketing)  ก็สามารถช่วยเร่งให้ผลลัพธ์เกิดขึ้นได้

     ซึ่ง SME คือ การซื้อโฆษณาบน Search Engine โดยจะเป็นการซื้อ Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ

     เช่น ซื้อขายบ้าน ซื้อขายคอนโด โครงการอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ

     เมื่อกลุ่มเป้าหมายใช้ Keyword เหล่านี้ค้นหาสิ่งที่ต้องการ กลุ่มเป้าหมายก็จะได้เห็นเว็บไซต์เป็นอันดับต้น ๆ ในทันที

     การทำ SME ควบคู่ SEO จะมีประสิทธิภาพได้ นักทำธุรกิจอสังหาฯ  จะต้องเลือกKeyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจให้ได้มากที่สุด

     นอกจากนี้เว็บไซต์จะต้องมีคุณภาพ มีประโยชน์ ดาวน์โหลดรวดเร็ว มี Site Structure เป็นระเบียบ เข้าใจง่าย และต้องรับรองการใช้งานบนอุปกรณ์ทุกรูปแบบด้วย จึงจะทำให้การทำ SME ควบคู่ SEO เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้

     4. ใช้ Social Media เพื่อโฆษณา

     สถิติจาก We Are Social ปี 2023 มีจำนวนผู้ใช้ Social Media มากถึง 49.10ล้านคน นับเป็นร้อยละ 68.3 ของประชากรทั้งหมด 71.85 ล้านคน

     จากข้อมูลสถิติข้างต้น เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้ Social Media กันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Facebook , Line , X ฯ

     ดังนั้น  Social Media จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้คุณสามารถกระจายข้อมูล และโฆษณาการซื้อขายอสังหาฯ   ให้ออกไปสู่สายตากลุ่มเป้าหมายใหม่ได้ทั่วถึงมากกว่าเดิม

     ซึ่งในแต่ละแพลตฟอร์ม Social Media ก็มีกฎเกณฑ์และข้อตกลงที่แตกต่างกันไป คุณจึงต้องวางแผนร่วมกับทีมการตลาดออนไลน์ ให้สามารถผลิตโฆษณาที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์มแต่ละประเภทได้

     5. ใช้พื้นที่เว็บบอร์ดที่มีชื่อเสียง ช่วยโปรโมทธุรกิจ

     ในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม Social Media มักมีกลุ่มคอมมูนิตี้ (Community) เอาไว้สำหรับรวบรวมกลุ่มคนที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน และต้องการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันภายในกลุ่ม

     โดยนักทำธุรกิจสามารถใช้ช่องทางนี้ในการลงโปรโมท หรือลงสื่อโฆษณา เพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯ  ลงในกลุ่มคอมมูนิตี้ที่มีชื่อเสียงนี้ได้

     กลุ่มคอมมูนิตี้ที่มีชื่อเสียง เช่น กลุ่ม Facebook, Pantip, MThai, Sanook  เป็นต้น

     ซึ่งในกลุ่มคอมมูนิตี้เหล่านี้ เป็นกลุ่มที่มีหัวข้อมุ่งไปในทางเดียวกัน จึงเปรียบเสมือนเป็นจำกัดกลุ่มเป้าหมายให้แคบลง มีและความเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

     ที่สำคัญ สามารถสร้างการเข้าถึงรวมถึงการมีส่วนร่วมได้ดี และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย

     6.ใช้สื่อ Video ในการโฆษณา

     ยุคนี้ ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเทรนด์การใช้ Video เพื่อการโฆษณาอย่างแน่นอน

     สื่อ Video เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน จึงเหมาะแก่การนำมาเป็นเครื่องมือสำหรับการโฆษณาสินค้าและบริการทุกประเภท

     โดยเฉพาะกับธุรกิจอสังหาฯ   เพราะการใช้ Video เพื่อการโฆษณาจะทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในสถานที่จริงได้

     ส่วนมากกลุ่มเป้าหมายมักจะมีความสนใจใน Video การรีวิวโดยอินฟลูเอ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาพาชมพื้นที่ภายในอสังหาฯ   รวมไปถึง Video ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการซื้อขายอสังหาฯ   

     ดังนั้นหากผู้ทำธุรกิจอสังหาฯ  ต้องการผลิตสื่อเพื่อโฆษณา ผู้ผลิตก็สามารถวางแผนกับนักการตลาดเพื่อผลิตสื่อตามความเหมาะสมและตามกฎของแต่ละแพลตฟอร์มได้เลย

     7.เลือกผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยทำการตลาดออนไลน์ให้เหมาะสมกับธุรกิจ

     ถึงแม้ว่านักธุรกิจอสังหาฯ  จะเลือกการทำการตลาดแบบออนไลน์ตามยุคสมัยแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายได้ด้วยตนเองเสมอไป

     เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า การทำธุรกิจด้วยการตลาดออนไลน์สามารถให้ผลตอบแทนได้ในระยะยาว และมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก

     แต่หากดำเนินการไปผิดทาง การทำการตลาดออนไลน์ก็สามารถกลายเป็นภาระที่คุณต้องจ่ายทั้งที่ไม่ได้ผลตอบแทนอะไรกลับมาเลย

     เพราะการจะทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบผลสำเร็จได้นั้น จะต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน และมีประสบการณ์ในการทำการตลาดออนไลน์เข้ามาช่วยวางแผนดำเนินการเท่านั้น

     ดังนั้น การหาผู้ช่วยในการทำการตลาดออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้คุณทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงต่อการลงทุนที่เสียเปล่าไปในตัวได้

     หากคุณต้องการผู้ช่วยที่ดีในการทำการตลาดออนไลน์ ขอนำเสนอ Impel Marketing ของเราครับ

     เพราะเราเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ให้แก่ธุรกิจหลากหลายแขนง และมีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านการตลาดออนไลน์มากกว่า 10 ปี  

     พร้อมให้คำแนะนำ และวางแผนดำเนินงานเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณได้มากที่สุด

ติดต่อเราได้ที่นี่🔻

IMPEL MARKETING บริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจออนไลน์

IMPEL MARKETING จากประสบการณ์ ด้านการตลาดออนไลน์มากกว่า 10 ปี

เราจะให้คำปรึกษาถึงแก่นการทำตลาดออนไลน์ให้คุณมียอดขายถึงขีดสูงสุดในทุกประเภทสินค้าและบริการ

การันตีผลงานทีมงานด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีเราสร้างยอดขายให้ธุรกิจมากกว่า 10 แบรนด์ ยอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาท