SEO สำหรับภาษาไทย vs ภาษาอังกฤษ: กลยุทธ์แตกต่างกันแค่ไหน?

ความแตกต่างหลักระหว่าง SEO ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ

ประเด็น SEO ภาษาไทย SEO ภาษาอังกฤษ
การเว้นวรรค ไม่มีการเว้นวรรคระหว่างคำ ทำให้การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดยากขึ้น มีการเว้นวรรคชัดเจน ทำให้การค้นหาและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดแม่นยำกว่า
การตั้ง URL (Slug) ถ้าใช้ภาษาไทยจะถูก encode เป็น %E0%B8… ทำให้อ่านยาก สามารถใช้ slug ที่เป็นคำอ่านง่ายและกระชับได้ตรงๆ
พฤติกรรมผู้ใช้ มักใช้คำพูดธรรมดา หรือคำทับศัพท์ผสม เช่น “วิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรก” ผู้ใช้มักใช้คำเฉพาะทาง หรือ long-tail keywords ที่มีโครงสร้างซับซ้อน
เครื่องมือวิเคราะห์ Google Keyword Planner รองรับ แต่ความละเอียดอาจไม่แม่นยำเท่าอังกฤษ เครื่องมือ SEO รองรับได้เต็มประสิทธิภาพ
เนื้อหาและโทนภาษา เน้นความเป็นกันเอง ใช้ภาษาธรรมชาติ สื่อสารง่าย เน้นการเขียนเชิงเทคนิค หรือ business-oriented มากกว่า

ความแตกต่างหลักระหว่าง SEO ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ

ประเด็น SEO ภาษาไทย SEO ภาษาอังกฤษ
การเว้นวรรค ไม่มีการเว้นวรรคระหว่างคำ ทำให้การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดยากขึ้น มีการเว้นวรรคชัดเจน ทำให้การค้นหาและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดแม่นยำกว่า
การตั้ง URL (Slug) ถ้าใช้ภาษาไทยจะถูก encode เป็น %E0%B8… ทำให้อ่านยาก สามารถใช้ slug ที่เป็นคำอ่านง่ายและกระชับได้ตรงๆ
พฤติกรรมผู้ใช้ มักใช้คำพูดธรรมดา หรือคำทับศัพท์ผสม เช่น “วิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรก” ผู้ใช้มักใช้คำเฉพาะทาง หรือ long-tail keywords ที่มีโครงสร้างซับซ้อน
เครื่องมือวิเคราะห์ Google Keyword Planner รองรับ แต่ความละเอียดอาจไม่แม่นยำเท่าอังกฤษ เครื่องมือ SEO รองรับได้เต็มประสิทธิภาพ
เนื้อหาและโทนภาษา เน้นความเป็นกันเอง ใช้ภาษาธรรมชาติ สื่อสารง่าย เน้นการเขียนเชิงเทคนิค หรือ business-oriented มากกว่า

ข้อควรระวังในการทำ SEO ภาษาไทย

  • อย่าใช้ slug เป็นภาษาไทยล้วน ควรใช้คำทับศัพท์หรือทับศัพท์แปลง เช่น /seo-thai-guide
  • หลีกเลี่ยงการใส่คีย์เวิร์ดมากเกิน (Keyword stuffing) เพราะ Google เข้าใจภาษาไทยได้ดีขึ้นแล้ว
  • ใช้ Structured Data ช่วยเพื่อให้ Google เข้าใจบริบทมากขึ้น

เทคนิคที่ใช้ร่วมกันได้ทั้ง 2 ภาษา

  1. เขียนบทความที่เน้นคุณภาพ ตรงกับเจตนาผู้ค้นหา (Search Intent)
  2. ใส่คีย์เวิร์ดใน Title, Meta, URL, H1, H2 อย่างเป็นธรรมชาติ
  3. ใส่รูปภาพพร้อม Alt Text ที่ตรงกับหัวข้อ
  4. สร้าง Internal link และ External link อย่างเหมาะสม

สรุป

แม้หลักการ SEO พื้นฐานจะคล้ายกัน แต่การทำ SEO ภาษาไทย vs ภาษาอังกฤษ มีจุดที่แตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งด้านโครงสร้างภาษา พฤติกรรมผู้ใช้ และเครื่องมือที่ใช้ หากสามารถปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับแต่ละภาษาได้อย่างถูกต้อง ก็จะเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อย่าลืมวัดผล SEO ด้วยเครื่องมืออย่าง Google Search Console และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับข้อมูลจริงจากเว็บไซต์ของคุณ

ติดต่อเราได้ที่นี่🔻

IMPEL MARKETING บริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจออนไลน์

IMPEL MARKETING จากประสบการณ์ ด้านการตลาดออนไลน์มากกว่า 10 ปี

เราจะให้คำปรึกษาถึงแก่นการทำตลาดออนไลน์ให้คุณมียอดขายถึงขีดสูงสุดในทุกประเภทสินค้าและบริการ

การันตีผลงานทีมงานด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีเราสร้างยอดขายให้ธุรกิจมากกว่า 10 แบรนด์ ยอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาท