คุณคิดว่า การขายของออนไลน์ พัฒนาไปได้ไกลแค่ไหนแล้วครับ ?
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็เริ่มหันมาทำการค้าขายออนไลน์กันมากขึ้น หลังจากที่โลกได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ครั้งใหญ่ในหลายปีที่ผ่านมา
ทำให้โลกของเราต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น และได้เกิดการขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย หรือที่นักทำธุรกิจเรียกว่า Social Commerce ในที่สุด
เนื่องจาก Social Commerce คือ การขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น TikTok, Facebook, Instagram ฯ
จึงทำให้มีข้อดีในด้านการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้สะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย รวมถึงยังง่ายต่อการดูแล ตรวจสอบมากกว่าการขายแบบเก่า ๆ
ทำให้ Social Commerce ถูกนำมาพัฒนาและทำให้ผู้ขายทั่วไปเกิดความสนใจใช้งานมากขึ้น
จนในปัจจุบันนี้ Social Commerce กลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ผู้ขายจะต้องคำนึง ถ้าต้องการขายของออนไลน์ไปแล้ว
ความสำคัญของ Social Commerce ในยุคที่ผ่านมาเริ่มต้นจากการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการเท่านั้น
แต่การขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดียยุคปัจจุบัน หรือ Social Commerce 4.0 ก็ได้มีความสำคัญมากกว่าการโปรโมทสินค้าและบริการแล้ว
ดังนั้น วันนี้ผมเลยอยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Social Commerce 4.0 ที่จะทำให้คุณเข้าใจการขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ให้ลึกซึ้ง และสามารถนำไปใช้ได้จนถึงยุคอนาคตเลยครับ
Social Commerce 4.0 มีดีอะไรบ้าง มาดูกัน !
1. การซื้อขายที่ไร้พรมแดน
1.) การขายสินค้าอย่างอิสระ
- เนื่องจากเป็นการขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย ผู้ขายจึงสามารถเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้ง่ายขึ้นเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
- แพลตฟอร์ม Social Commerce หลายแหล่งมีการรองรับการชำระเงินและการจัดส่งสินค้าข้ามพรมแดนได้
2.) การขายสินค้าแบบ O2O (Online to Offline)
- ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้านได้
- ผู้ขายสามารถสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้
2. การชำระเงินที่สะดวกสบาย
1.) มีตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย
- รองรับการจ่ายเงินหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเครดิต/เดบิต, e-wallet, การโอนเงินผ่านธนาคาร, เก็บเงินปลายทาง เป็นต้น
- มีตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายรูปแบบ เช่น Bitcoin หรือ Cryptocurrency รวมไปถึงการชำระเงินแบบแบ่งจ่าย เป็นต้น
2.) การชำระเงินแบบดิจิทัล
- เนื่องจากเป็นการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ จึงสร้างความสะดวกและง่ายต่อการใช้ชีวิตมากกว่าการพกเงินสด
- เป็นการชำระเงินที่ปลอดภัย เนื่องจากการชำระนั้น เป็นการผ่านชำระผ่านคนกลางอย่างธนาคารหรือแอพลิเคชัน และมีการเก็บหลักฐานประวัติการทำธุรกรรมอยู่เสมอ
- รองรับการชำระเงินผ่าน QR Code, Near Field Communication (NFC) เป็นต้น
3. การทำการตลาดออนไลน์ยอดฮิต
1.) Influencer Marketing
- เป็นการร่วมมือระหว่างแบรนด์และ Influencer ที่มีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดีย เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการให้กับแบรนด์
- Influencer Marketing เป็นวิธีการทำการตลาดออนไลน์ที่เน้นไปในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชม
- ดังนั้น แบรนด์จึงต้องเลือก Influencer ที่มีคุณสมบัติตรงกับเป้าหมายในการทำการตลาดออนไลน์ของตนเอง
2.) Live Stream
- การ Live Stream บนโซเชียลมีเดียนั้นก็เพื่อแนะนำสินค้า โต้ตอบกับลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายแบบเรียลไทม์ให้มีมากขึ้น
- Live Stream ช่วยสร้าง engagement และกระตุ้นยอดขายได้รวดเร็วกว่าการทำการตลาดแบบอื่น
- หากต้องการทำการตลาด จะต้องมีการวางแผนกลยุทธ์ Live Stream ที่ดี และสามารถดึงดูดผู้ชมได้
3.) Personalized Marketing
- เป็นการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล
- โดยการใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ วิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด
- เพื่อที่จะสามารถนำเสนอสินค้าได้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด
4. การใช้เทคโนโลยีช่วยการตลาด
1.) AI
- AI จะถูกนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมการซื้อ และเทรนด์ตลาดได้
- AI ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และสามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตรงใจลูกค้ามากที่สุด
- ดังนั้น ธุรกิจจะต้องมีทีมงานที่มีทักษะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและใช้งาน AI ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดได้
2.) Metaverse
- ในอนาคต Metaverse จะกลายเป็นช่องทางการขายใหม่ที่สำคัญ
- ธุรกิจของคุณจึงสามารถสร้างร้านค้าเสมือนจริงบน Metaverse ได้
- รองรับผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าเสมือนจริงได้
- ดังนั้นธุรกิจจึงจะต้องมีการศึกษาและวางแผนกลยุทธ์การทำการตลาดด้วย Metaverse ที่ชัดเจนมากที่สุด
3.) Chatbot
- ปัจจุบันและอนาคต Chatbot จะถูกนำมาใช้มากขึ้น เพื่อตอบคำถามลูกค้า ดูแลลูกค้า และช่วยปิดการขายสินค้าและบริการให้แก่ธุรกิจ
- Chatbot ช่วยให้ธุรกิจสามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอดเวลา เปรียบเสมือนมีพนักงานคอยตอบคำถาม 24 ชั่วโมง
- ธุรกิจจะต้องพัฒนา Chatbot ที่สามารถตอบคำถามและแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. การใช้ Social Media Analytics ช่วยวิเคราะห์ให้กับธุรกิจ
การใช้ Social Media Analytics ที่มีอยู่มากมาย จะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักการตลาดออนไลน์สามารถการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
และตรวจสอบการวัดผลลัพธ์ที่ได้จากการทำการตลาดออนไลน์ของธุรกิจนั้น ว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือน้อยลงได้
และนี่คือตัวอย่างของแพลตฟอร์ม Social Media Analytics ที่มีการใช้มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.) Facebook Insights
- เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลฟรีจาก Facebook เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการติดตามประสิทธิภาพของเพจ Facebook
- แสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ติดตาม โพสต์ แคมเปญโฆษณา และอื่น ๆ
- ใช้งานง่าย และเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
2.) X Analytics
- เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลฟรีจาก X เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการติดตามประสิทธิภาพของบัญชี X
- แสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ติดตาม ทวีต แฮชแท็ก และอื่นๆ
- เหมาะสำหรับติดตามเทรนด์ และทำความเข้าใจว่าผู้คนพูดถึงแบรนด์อย่างไร
3.) Instagram Insights
- เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลฟรีจาก Instagram เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการติดตามประสิทธิภาพของบัญชี Instagram
- แสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ติดตาม โพสต์ สตอรี่ และอื่น ๆ
- เหมาะสำหรับการติดตามประสิทธิภาพของคอนเทนต์ภาพและวิดีโอ
4.) Hootsuite Analytics
- เป็นแพลตฟอร์มการจัดการโซเชียลมีเดียที่มีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลครบวงจร
- รองรับการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์ม เช่น Facebook, X, Instagram, LinkedIn และ YouTube เป็นต้น
- เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากหลายแพลตฟอร์มในที่เดียว
4.) Sprout Social
- เป็นแพลตฟอร์มการจัดการโซเชียลมีเดียที่มีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ทรงพลัง
- แสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ติดตาม โพสต์ แคมเปญโฆษณา และอื่น ๆ
- เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดและติดตามประสิทธิภาพของกลยุทธ์การตลาดโซเชียลมีเดีย
การรู้จักข้อดีของ Social Commerce 4.0 มากขึ้น ก็จะทำให้คุณสามารถมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ
และนำจุดที่มีประโยชน์ต่าง ๆ มาปรับ ใช้กับการวางแผนการตลาดให้ธุรกิจมีความเจริญเติบโตตามทันยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้
ก็จบกันไปแล้วนะครับ กับ Social Commerce 4.0 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ
การขายสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นที่ทราบกันดีว่าจะทำให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพียงแค่จะต้องเรียนรู้และทดลองทำการตลาดให้เข้ากับเทรนด์และยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปให้ทันอยู่เสมอ
และถ้าหากอยากให้ธุรกิจของคุณ สามารถไปถึงจุดเดียวกันกับ Social Commerce 4.0 อย่างที่ธุรกิจอื่นทำได้ แต่ไม่อยากทดลองผิดถูกด้วยตัวเอง ก็ติดต่อเราได้เลยครับ
เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านการตลาดออนไลน์มากกว่า 10 ปี สามารถซัพพอร์ตการตลาดออนไลน์ให้ไปถึงเป้าหมายได้
โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากร เพื่อทดลองทำด้วยตัวเองเลย
ติดต่อเราได้ที่นี่🔻
IMPEL MARKETING บริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจออนไลน์
IMPEL MARKETING จากประสบการณ์ ด้านการตลาดออนไลน์มากกว่า 10 ปี
เราจะให้คำปรึกษาถึงแก่นการทำตลาดออนไลน์ให้คุณมียอดขายถึงขีดสูงสุดในทุกประเภทสินค้าและบริการ
- รับปรึกษาการตลาดสำหรับแบรนด์
- บริการโฆษณาออนไลน์
- รับทำเว็บไซต์
- รับเขียน App และระบบ IT สำหรับธุรกิจ SME
- รับทำ Content Marketing
- รับออกแบบกราฟิก / ทำสื่อสิ่งพิมพ์
- รับตัดต่อ ถ่ายภาพ / VDO / สื่อภาพเคลื่อนไหว
- รับแปล VDO หรือเอกสารภาษาอังกฤษเป็นไทย
การันตีผลงานทีมงานด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีเราสร้างยอดขายให้ธุรกิจมากกว่า 10 แบรนด์ ยอดขายรวมกว่า 500 ล้านบาท